1. สังเกต 200EMA
200EMA สามารถสะท้อนการเปลี่ยนแปลงราคาช่วงที่ตลาดมีความผันผวน หากสัญญาณเกิดขึ้นใกล้ 200EMA นักเทรดควรรอให้ราคาผ่าน 200EMA ก่อนเข้าซื้อ หรือใช้โอกาสที่ราคาจะย้อนกลับเข้ามา แม้ว่านักเทรดสามารถเพิ่ม 200EMA ในกราฟและดูว่าราคาทำปฏิกิริยาอย่างไรที่ใกล้ 200EMA ในอดีตได้
2. การเคลื่อนไหวที่ผิดปกติในช่วงการเทรดในเอเชีย
การเคลื่อนไหวที่ผิดปกติมักจะเกิดขึ้นในช่วงการเทรดเอเชีย เนื่องจากนักเทรดในสหรัฐอเมริกาเปิดการเทรดในช่วงที่ตลาดในอเมริกาปิดและตลาดในเอเชียเปิด ในหลายกรณี ราคาจะลดลงในช่วงการเทรดเอเชียก่อนที่จะฟื้นกลับในช่วงการเทรดนิวยอร์ก นักเทรดจึงต้องระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกหยุดขาดทุนหรือถูกชักนำให้ขาดทุน
3. ปรับปรุงวิธีการเทรดให้เหมาะสม
หากคู่สกุลเงินหลักที่ใช้ในการเทรดมีความผันผวนที่ต่ำในช่วงเวลาหนึ่ง ควรลองหาคู่สกุลเงินอื่นที่มีความผันผวนตามที่คุณคาดหวัง หรือค้นหาตลาดอื่น ๆ ในช่วงที่ตลาดมีการเคลื่อนไหวที่ต่ำ มากกว่าที่คิดว่าคู่สกุลเงินที่เคยมีลักษณะเป็นการเคลื่อนไหวที่สูงมากอาจจะเหมาะในตอนนี้
4. ลงทุนเวลาในการเทรดแบบ Scalping
การ Scalping ใช้เวลาสั้นและถือเป็นหนึ่งในวิธีการเทรดที่รวดเร็วในการทำกำไร ถึงแม้เวลาในการเทรดจะสั้น แต่นักเทรดต้องใช้เวลามากในการวิเคราะห์กราฟเพื่อค้นหาการตั้งค่าการเทรดที่แตกต่างหลายแบบ การ Scalping จึงต้องใช้พลังงานมากกว่ากลยุทธ์การเทรดในระยะยาว
5. กราฟรายวันง่ายต่อการใช้งาน
สำหรับผู้เริ่มต้น กราฟรายวันเป็นเครื่องมือที่ง่ายที่สุดในการใช้งาน กราฟนี้ไม่ยาวและไม่สั้นเกินไป ทำให้นักเทรดหลีกเลี่ยงการรบกวนจากตลาดได้มาก เพราะข้อมูลมีความหลากหลายสูง สัญญาณจากกราฟรายวันจึงมีความแรงมาก กราฟ 4 ชั่วโมงแม้จะมีสัญญาณเข้มข้น แต่จะถูกกวนจากตลาดมากกว่ากราฟรายวัน
6. ไม่ควรใช้ดัชนีมากเกินไป
นักเทรดหลายคนพยายามเพิ่มดัชนีหลายตัวในกลยุทธ์ แต่มักจะสูญเสียโอกาสดีเนื่องจากความขัดแย้งของข้อมูล
7. หาแนวทางการเทรดที่เหมาะสมกับคุณ
นักเทรดที่เน้นวิธีการจะชอบกลยุทธ์ที่อิงการวิเคราะห์และการคำนวณ ขณะที่นักเทรดที่มีอารมณ์แปรปรวนไม่เหมาะกับกลยุทธ์ Scalping ซึ่งต้องการการตัดสินใจที่รวดเร็ว ดังนั้นนักเทรดแต่ละคนจำเป็นต้องหาแนวทางที่เหมาะสมกับบุคลิกและแนวทางการเทรดของตัวเอง
8. ใส่ใจการเข้าและออกตลาด
มาตรฐานการออกที่ถูกต้องขึ้นอยู่กับความชอบและเป้าหมายความเสี่ยงของนักเทรด นักเทรด Scalping จะมีการออกที่เข้มงวดกว่านักเทรดรายวัน อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนของนักเทรด Scalping อาจจะอยู่ที่ 1:1.5 ขณะที่นักเทรดระยะยาวอาจจะอยู่ที่ 1:2 หรือแม้แต่ 1:6
9. ช่วงเวลาไม่ทั้งหมดเหมาะแก่การเทรด
อาทิเช่น ก่อนวันคริสต์มาสในสหรัฐอเมริกาหรือหลังปีใหม่ เป็นช่วงเวลาที่ตลาดมีความผันผวนต่ำ แม้ว่าจะมีสัญญาณอยู่บ้าง แต่เนื่องจากตลาดฟอเร็กซ์เงียบในช่วงเทศกาล สัญญาณเหล่านี้จึงไม่ค่อยมีความหมาย นักเทรด Scalping อาจสามารถทำการเทรดจำนวนเล็กน้อยได้ แต่สำหรับนักเทรดยาว ขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงช่วงนี้
10. ระดับการสนับสนุนและการต้านทานทำงานเหมือนช่วงราคา
นักเทรดที่มีประสบการณ์อาจคิดว่า "ไม่ใช่หรอก?" ความผันผวนในระหว่างการเทรดยิ่งสูงเท่าไหร่ คุณควรพิจารณาช่วงการสนับสนุน/การต้านทานก็ยิ่งใหญ่ขึ้น ซึ่งอาจช่วยในการตั้งค่าหยุดขาดทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
11. ราคาที่ใกล้ระดับสนับสนุนหรือการต้านทานจะเปลี่ยนแปลงช้าลง
บางครั้งคุณจะเห็นแนวโน้มช้าลง ราคาจะมีความเคลื่อนไหวที่ใกล้เข้ามาที่ระดับสนับสนุนหรือการต้านทานชัดเจนหรือไม่? มีนักเทรดจำนวนมากปิดตำแหน่งหรือไม่? หากจะตั้งกำไร ควรตั้งไว้ก่อนถึงช่วงสนับสนุนหรือการต้านทาน
12. การบันทึกการเทรดเป็นสิ่งสำคัญ
นักเทรดจำนวนมากไม่ให้ความสำคัญกับการบันทึกการเทรด ปัจจุบันมีสเปรดชีตอิเล็กทรอนิกส์ที่ช่วยบันทึกข้อมูลการเทรด การบันทึกวิธีตัดสินใจในการเทรดทั้งการเข้าและออก ช่วยให้นักเทรดสามารถคิดทบทวนและหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่ซ้ำซากได้
13. การเปลี่ยนจากบัญชีจำลองไปยังบัญชีจริงอาจทำให้เกิดการขาดทุน
นักเทรดจำนวนมากมั่นใจในตัวเองเพราะ账户จำลองทำกำไรได้ แต่เมื่อเปลี่ยนไปยังบัญชีจริงกลับขาดทุน ทำไมถึงเป็นเช่นนี้? ปัญหาอยู่ที่อารมณ์ ในบัญชีจำลอง การตัดสินใจเป็นเรื่องง่าย แต่เมื่อมีเงินลงทุนจริง อารมณ์จะเปลี่ยนไป ดังนั้นเมื่อลงมือจริง ควรเริ่มจากบัญชีขนาดเล็กและเรียนรู้ที่จะยอมรับการขาดทุน
14. สังเกตปฏิทินเศรษฐกิจ
การพูดของผู้นำรัฐบาลหรือการตัดสินใจของธนาคารกลางสามารถทำให้ตลาดมีความผันผวนสูง หากกลยุทธ์ของคุณไม่เหมาะในช่วงการผันผวนนี้ ควรตรวจสอบปฏิทินเศรษฐกิจเสมอก่อนทำการเทรด เพื่อหลีกเลี่ยงการเทรดก่อนการประกาศข่าว
15. อย่าซื้อขายคู่สกุลเงินที่มีสกุลเงินเดียวกันในเวลาเดียวกัน
เช่น คุณเปิดตำแหน่งซื้อ EUR/USD และ GBP/USD พร้อมกัน แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงของ USD แต่โอกาสกำไรจะน้อยมาก สิ่งที่อาจเกิดคือทั้งสองการเทรดจะขาดทุนหรือกำไรที่น้อย ดังนั้นคุณควรเลือกคู่สกุลเงินที่สัญญาณชัดเจนและโอกาสทำกำไรสูงกว่า
16. ควบคุมความกดดันให้เหมาะสม
คุณจำเป็นต้องควบคุมระดับความกดดันให้เหมาะสม โดยเริ่มหาสาเหตุที่ทำให้เกิดความกดดันสูงเกินไป อาจเป็นเพราะอัตราส่วนเลเวอเรจสูงหรือเงินที่ลงทุนมากเกินไป ความกดดันสูงอาจทำให้การตัดสินใจในการเทรดไม่เป็นกลาง
17. อย่าประเมินสูงเกินไปเกี่ยวกับหุ่นยนต์ฟอเร็กซ์
การเทรดอัตโนมัติช่วยลดงานได้มาก และสามารถช่วยในการวิเคราะห์และดำเนินการเทรด แต่ก็ไม่สามารถทดแทนทักษะของนักเทรดได้ แม้แต่หุ่นยนต์ที่ดีที่สุดก็ยังไม่สามารถจัดการกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันได้
18. อย่าปรับการหยุดขาดทุนชั่วคราว
การเปลี่ยนการตั้งค่าหยุดขาดทุนบ่งบอกถึงการที่แผนการบริหารความเสี่ยงของนักเทรดยังไม่แข็งแรง การเปลี่ยนแปลงแผนการอย่างชั่วคราวอาจทำให้ขาดทุนมากขึ้น กลยุทธ์การเทรดที่ดีควรกำหนดการหยุดขาดทุนอย่างชัดเจน
19. คุณมีโอกาสในการเทรดเสมอ
ตลาดฟอเร็กซ์อยู่ที่นั่นเสมอ คุณสามารถกลับไปสู่สนามรบได้ตลอดเวลา ทุกคนต้องการเวลาพักผ่อน หากคุณรู้สึกสับสนหรือท้อแท้ ให้หยุดพักผ่อนเสียบ้าง
20. ยึดมั่นในแนวทางสู่ความสำเร็จ
นักเทรดหลายคนพยายามทดลองกลยุทธ์จำนวนมากและช่วงเวลาที่ต่างกัน แต่พลังงานของมนุษย์มีจำกัด คุณไม่สามารถเข้าใจหลักการและกลยุทธ์ที่ซับซ้อนไปพร้อมกันได้ มิฉะนั้นจะเหนื่อยล้ากว่าเดิม ใช้เวลาสักนิดเพื่อหากลยุทธ์ที่เหมาะสมที่สุดกับตนเองและเรียนรู้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อให้คุณควบคุมได้ จนกระทั่งมันนำมาซึ่งผลกำไร
ความคิดเห็นของผู้ใช้
ยังไม่มีความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น